แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ comfort zone แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ comfort zone แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เหตุผล ที่ Baby Boomer และ Gen X ต้องเรียนรู้สังคมของ Gen Y

       
เมื่อกระแสการสร้างตัวตนและธุรกิจแบบ Infopreneur กำลังกลายเป็น Mega Trend ของโลกที่แคบลงเพราะ Social Network คุณรุ่นใหม่ Gen Y ที่เติบโตขึ้นมาพร้อมกับอุปกรณ์สื่อสารพกพา Tablet, Smart Phone, Smart Watch, Smart TV, etc... การเข้าใจในเทคโนโลยีและกิจกรรมทางโลกออนไลน์ไม่จำเป็นต้องถูกสอนอย่างเป็นทางการ เพราะมันถูกซึมซับอยู่ในยุคสมัยของพวกเค้าแล้ว แต่ คนยุค Baby Boomer หรือ Gen X รุ่นก่อนหน้านี้ ที่เกิดมาในช่วงการเปลี่ยนแปลงของยุค Analog สู่ ยุค Digital ซึ่งมีกิจกรรมและวิธีคิดบางอย่างที่ยังคงติดอยู่กับกลิ่นไอของวิธีดั่งเดิม ควรจะมีวิธีการอย่างไรเพื่อสร้าง Connection ไม่ให้ความรู้ ความสามารถ วัฒนธรรมในจารีตแบบเก่า เลือนหายไปอย่างไม่สามารถนำย้อนกลับมาได้ บทความนี้ต้องการเป็นแรงผลักดันหนึ่งเพื่อให้โลกก้าวไปอย่างมีคุณค่าของคนทุกยุคสมัย ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เรา Encourage คนยุค Baby Boomer และ Gen X ให้สามารถถ่ายทอดเรื่องราวของเค้าเหล่านั้นที่ต้องการบอกกับ Gen Y และคนรุ่นหลังต่อๆไป ด้วยเหตุผลเหล่านี้อาจทำให้ทุกคนต้องหันหน้าเข้าหากันเพื่อไม่ให้ปัจจุบันและอนาคต ไม่มีโลกมีจุดจบของการเชื่อมต่อของวัยและยุคสมัย งั้น มาเป็น Infopreneur เพื่อส่งต่อยุคสมัยให้รุ่นต่อไปกันเถอะ

วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สิ่งที่มนุษย์เงินเดือนพอจะทำได้

   วิถีชีวิตของมนุษย์เงินเดือนในเมืองใหญ่ไม่ได้ต่างกันแต่อย่างใด ส่วนใหญ่เดินทางไปทำงานตอนเช้า ทำงานแปดถึงสิบชั่วโมงต่อวัน รักวันศุกร์และไม่ชอบวันจันทร์ วนเวียนอยู่แบบนี้จนน่าเบื่อหน่าย สิ่งที่ทำให้ชีวิตดูมีสีสันขึ้นส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของวัตถุแทบทั้งสิ้น กระเป๋า รองเท้า แว่นตา โทรศัพท์ เรื่อยไปจนเป็นวัตถุขนาดใหญ่ บ้าน รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ทำไมจึงต้องมี การมีวัตถุเหล่านี้ไม่ได้หมายถึงว่าต้องการโอ้อวดเสมอไป
วัตถุนิยมเหล่านี้มีผลในการจิตใจ การทำงานและใช้ชีวิตอย่างซ้ำไปซ้ำมาไม่อาจทำให้ได้ใช้ชีวิตตามที่ต้องการได้ วัตถุนี่แหละเป็นเครื่องเติมเต็มแม้ว่ามันอาจไม่ยั่งยืนก็ตาม แต่มันคงไม่ได้มีอะไรจะเสียแล้วนี่กับชีวิตวนวนแบบนี้ หลายคนพยายามหาทางออกจากสิ่งที่เค้าเรียกกันว่า Comfort Zoneซึ่งความเป็นจริงไม่ได้ต่างจากเรือนจำไปมากมายนัก เงิน และ ความมั่งคั่ง ส่งผลตามมาจากลัทธิวัตถุนิยม ทำไมคิดกันว่าต้องรวยเท่านั้นจึงจะหลุดออกไปจากวงเวียนนี้ได้ บางคนมองหาสิ่งต่างๆทำเพื่อให้มีรายรับอีกทาง ขายตรง ขายประกัน ทำขนมขาย งานไม่ประจำเหล่านี้กลายเป็นรูปแบบใหม่ที่ให้ความหวัง ให้มนุษย์กินเงินเดือน แต่มีเพียงไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ของคนทั้งหมดที่จะใช้วิถีทางนี้เพื่อหลุดพ้นได้ การหาข้อมูลทางเลือกเพื่อชีวิตนั้นทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Self development การเพิ่มมูลค่าให้กับตนเองนั้นเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น และสิ่งที่ตามมาสำหรับเรื่องราวเล่านี้ก็คือ "การอ่าน" ความรู้ในรูปแบบหนังสือเป็นเหมือนคำสัญญาต่อตนเองว่าสักวันจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง หนังสือดีๆแค่ปกและคำโปรยผู้คนก็อยากจะกระโจนเข้าใส่ อีกมุมมองหนึ่งของคนที่เกือบจะใช้ชีวิตแบบเดียวกับที่เป็นอยู่นี้ มีความต้องการที่จะแบ่งบัน ความรู้ แนวคิด จินตนาการให้กับเหล่ามนุษย์ร่วมเส้นทาง การเผยแพร่ข้อมูลผ่านทางสื่อดิจิตอลเป็นสิ่งหนึ่งที่เราๆพอจะทำกันได้ แล้วถ้าวันหนึ่งข้อมูลความรู้เหล่านี้มีคุณค่ามากเกินมูลค่าจนทำให้คนต้องการมากเพียงพอจะจ่ายเพื่อสิ่งเหล่านั้นได้ นั่นแหละธุรกิจ และเป็นสิ่งที่มนุษย์เงินเดือนพอจะทำได้