แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ธุรกิจ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ธุรกิจ แสดงบทความทั้งหมด

วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2558

80 วันเท่านั้น ช่วยคนไทย ทำอีบุ๊คไปขาย ฟรี

เพื่อคนไทยเท่านัั้นครับ!!
ตั้งแต่พรุ่งนี้ 7.00 น. หรือ เจ็ดโมงเช้า
เพจ ebookcreator ร่วมกับ
เพจ progazineonline
เราจะขอตอบแทน แฟนเพจทุกท่าน และ เพื่อนชาวไทยทุกคน...

โดยการช่วย "ทำอีบุ๊คให้ ฟรี!"
ตั้งแต่ ออกแบบปก
จัดรูปเล่ม
สร้างปกแบบ 3 มิติ
และ สอนการวางขาย
รวมถึง ให้ความรู้ ข้อมูลวิธีการทำอีบุ๊คด้วยตัวเอง
ขายอีบุ๊ค
ให้คำปรึกษา
กิจกรรมทั้งหมดนี้จะใช้เวลาแค่ 80 วันเท่านั้น!
ใครสนใจ รายงานตัวด่วนครับ
แชร์ให้เพื่อนกันนะครับ
http://www.inwebook.com

http://fb.com/ebookcreator


วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

มาเป็น INFOPRENEUR : อินโฟร์เพอนัวร์ กันเถอะ

Infoprenuer
เมื่อได้ทำความเข้าใจกับคำว่า Infoprenuer กันในเบื้องต้นกันแล้ว เราลองมาดูว่าคนที่เป็น Infopreneur เค้าทำอะไรกันบ้าง ในทั่วไปแล้วผู้ประกอบการกิจการปกติ จำต้องมีสินค้าหรือบริการที่ออกจะเป็นรูปธรรม จับต้องได้ ด้วยต้องลงทุนเป็นทรัพย์สิน เงินทอง หรือ ลงแรงอย่างมีนัยสำคัญเพื่อให้กิจการดำเนินไป สินค้าขายได้ มีลูกค้าพูดถึงและใช้บริการ สำหรับอินโฟร์เพอร์นัวร์นั้น ก็มีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน แต่! เมื่อเป็นเรื่องของ Information การลงทุนย่อมน้อยกว่า การลงแรงยอมไม่หนักเท่า เฉือนกันที่ความคิดและไอเดีย รวมถึงการสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าด้วย ตัวอย่างเช่น การเป็นผู้ให้ความรู้ในการเขียน เป็นวิทยากรบรรยายในเรื่องที่คุณถนัด เป็นBlogger ชื่อดัง นักแต่งเพลง เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆในจำนวนของสิ่งที่ Infopreneur ทำกันในปัจจุบัน ลองค้นคว้าและ มาเป็น Infopreneur กันเถอะ เพราะมันก็ไม่ได้ต้องลงทุนลงแรงอะไรมากนี่ เอาล่ะ แล้วถ้าอยากเป็นขึ้นมาแล้ว ต้องทำไงหล่ะทีนี้ ติดตามตอนต่อไปได้ที่นี่ http://inwebook.blogspot.com แล้วเจอกัน 

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

5 วิธี ตอบคำถามตัวเอง ว่า ขายอะไรดี?

อยากมีรายได้เสริม อยากหาเงินใช้เอง อยากขายของ ขายอะไรดี คำถามเหล่านี้กำลังเป็นที่ฮิตมากในหมู่คนต้องการหาเงิน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกระแสโลกโซเซี่ยลที่มีให้เห็นกันทุกวันว่า ประสบความสำเร็จกันง่ายๆมาขึ้นทุกวันจากการโพสต์ขายของ แต่อะไรหล่ะที่จะเหมาะกับเรามากที่สุดเราจะได้เริ่มต้นลงมือขายซะที เรามีวิธีค้นหาคำตอบให้ทำคุณเองว่าคนอย่างคุณจะเหมาะกับการขายอะไร

วิธีที่ 1. ดูจากปริมาณเพื่อน 
ถ้าคุณมีมิตรภาพคับแก้ว เรียกว่าแค่คุยไลน์หรือตอบเม้นเพื่อนๆในเฟสฯก็หมดวันแล้ว แนะนำให้คุณเลือกขายสินค้าที่เป็น Mass Product ขายให้คนหมู่มาก คนส่วนใหญ่จำเป็นต้องกิน ต้องใช้ หรือ ปัจจัยสี่ ทั้งหลาย เช่น ขนม, อาหาร, บ้าน, คอนโด ยิ่งถ้าหากเป็นสินค้าแบบซื้อมาขาย และคุณสามารถหาแหล่งขายราคาส่งถูกๆได้ การันตีกำไรของคุณไหลมาเทมาแน่นอน

วิธีที่ 2. ดูจากความชอบ"ส่วนตัว"
ถ้าคุณสนใจอะไรมากๆหรือมีงานอดิเรกที่ตัวเองชอบทำ ให้หาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณรักคุณชอบ เพราะนั่นคือสิ่งที่คุณเข้าใจมันมากที่สุดคุณสามารถบอกเล่าเรื่องราวของสิ่งที่คุณรักได้เป็นฉากๆ เช่น รักลูก, ชอบปั่นจักรยาน, ชอบเล่นโยคะ, เป็นติ่งวงเกาหลี

วิธีที่ 3. ดูจากการรับรู้ข่าวสารข้อมูล
ถ้าคุณพบว่าคุณเป็นคนทันข่าวสาร เป็นแฟนคลับพี่ยุทธฟังพี่ยุทธทุกวัน เข้าเว็บmanagerก่อนเริ่มงาน อยู่ในกระแสตลอดไม่เคยตกเทรนด์ สินค้าที่เหมาะกับคุณคือ สินค้าตามกระแสนิยม หรือ เทคโนโลยีตัวอย่างเช่น iPhoneใหม่, ไม้Selfie, หญ้ารีแพร์, DVD T25, ... แต่ในทางกลับกันถ้าคุณตามข่าวไม่ทันกับใครเค้าเลย แนะนำเป็นสินค้า Classic เช่น รถเก่า, ภาพถ่ายประวัติศาสตร์, ตำราโบราณ, แจกันราชวงศ์หมิง เป็นต้น

วิธีที่ 4. ดูจากงานปัจจุบัน
ถ้าคุณทำงานประจำ เป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่ ให้เอาความสามารถที่ทำเป็นงานประจำนั้นมาเป็นจุดขาย หรือ ขายสินค้าของบริษัทนั่นแหละ ในเมื่อต้องเจอทุกวันคงไม่มีใครเข้าใจสินค้าเหล่านั้นไปมากกว่าคุณแล้ว เช่น เป็นครูเปิดคอร์สสอนพิเศษ, เป็นค่าราชการก็ติวสอบกพ., พนักงานธนาคารก็ขายเงินฝาก-กองทุน-ประกัน,... 

วิธีที่ 5. ดูจากฐานะ
ถ้าคุณรวยมาแต่กำเนิด เข้าใจว่าไม่ต้องหาอะไรมาขายก็คงอยู่ได้มีอันจะกินอยู่แล้ว แต่ถ้าอย่างลองขายจริงๆ ก็ของสร้างกิจการธุรกิจแล้วขาย IPO เข้าตลาดทุนเลยน่าจะเหมาะที่สุด แต่ถ้าคุณมีฐานะกลางๆหรือค่อนข้างจะล่างๆ ทุนน้อยแนะนำให้ลองธุรกิจที่คนส่วนใหญ่อาจจะมองข้าม นั่นคือ สินค้าสารสนเทศ Information Product ที่ใช้ต้นทุนน้อยมากๆอาจเริ่มต้นด้วยการศึกษาก่อน (จะไปหาอ่านตามร้านหนังสือฟรีๆก็ได้ สมัยนี้เห็นนั่งอ่านกันบนพื้นในร้านเลยก็มี) ไม่ว่าจะเป็นในด้านใดก็ตาม เมื่อศึกษาจนเข้าใจในระดับที่เริ่มนำไปให้ความรู้คนอื่นได้แล้ว ก็แปลงมันเป็นตัวสินค้าเพื่อขายได้เลย บางคนลงทุนแค่เพียงค่าเล่นอินเตอร์เน็ตตามคาเฟ่ชั่วโมงละ30บาทก็ขายของได้ อื่นๆก็เช่น การเปิดคอร์สอบรมให้ความรู้, การเขียนอีบุ๊คขายออนไลน์หาเงิน

สนใจการเขียนอีบุ๊คขาย แนะนำหนังสือออนไลน์ อีบุ๊ค 

 "เขียนอีบุ๊คขายออนไลน์ด้วยไอแพด"

    คนส่วนใหญ่ที่อยากมีรายได้ซื้อไปอ่านทันที 
http://inwebook.blogspot.com/2014/11/blog-post_8.html

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ตัวคนเดียวก็รวยได้

Noelani Rodriquez เศรษฐีนีอีบุ๊ค เธอประสบความสำเร็จจากการขายอีบุ๊คมากกว่า $1เหรียญสหรัฐ ปัจจุบันเธอ ยึดอาชีพนี้มามากกว่า 20 ปีแล้ว เธอเล่าถึงอีบุ๊คชื่อดัง เล่มBest Sellerของเธอเองว่า "Improve your credit score in 24 hours" เป็นสิ่งที่คนมากว่า 500,000 คนจะถูกพบเห็นได้เมื่อค้นหาคำว่า "credit score"ใน Google จากจำนวนคนที่เห็นหนังสือของเธอเล่มนี้ เธอบอกว่า ไม่ต้องขายให้ได้ถึง10%ขอคนที่เห็นทั้งหมดก็เป็นอีบุ๊คขายดีได้แล้ว ซึ่งยอดขายเล่มนี้ของเธอมากกว่า 70,000 เล่มทั่วโลก และเธอยังมีอีบุ๊คอื่นๆตามออกมาอีก ล่าสุดเธอออกอีบุ๊คเล่มใหม่ในชื่อว่า "How to give yourself psychic reading in 3 days" ซึ่งคาดการณ์จากเทคนิคการขายและ ชื่ออีบุ๊คเล่มใหม่ของเธอนี้ น่าจะขายดีอีกตามเคย

วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

Infopreneur เป็นก่อนรวยกว่า

Infopreneur คำที่ยังไม่มีอยู่ในพจนานุกรม แล้วจริงๆมันคืออะไร? แปลว่าอะไรกันแน่? คำนี้มีเทรนด์มาจากคำว่า  Entrepreneur ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป หมายความถึงผู้ประกอบการทางธุรกิจที่มีความสามารถในการแสวงหาโอกาส และ สามารถใช้โอกาสนั้นสร้างตนให้โดดเด่นจากคู่แข่ง ชนะใจลูกค้า สนองความต้องการของผู้บริโภคได้ และสามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจนั้นๆ แล้วต่อยอดสร้างธุรกิจอื่ๆต่อไปได้

แล้ว Infopreneur หล่ะ ข้อมูลจาก Wiki ให้นิยามว่าเกิดจากคำว่า Infomation บวกกับ Entrepreneur ซึ่งเป็นความว่าคล้ายคลึงกับผู้ประกอบการปกติ เพียงแต่ Infopreneur จะเป็นกิจการด้านข้อมูลสารสนเทศรวมถึงการสร้างรายได้ออนไลน์โดยเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย อธิบายให้เห็นชัดขึ้นคือ

      ผู้ที่สร้างรายได้จากเนื้อหาของข้อมูล
 ลักษณะคือการสร้างตัวตนในโลกออนไลน์และให้เนื้อหาข้อมูลที่มีประโยชน์มากมาย แล้วสร้างรายได้จากการเขียนอีบุ๊ค การบรรยาย การเป็นวิทยากรรับเชิญ เปิดคอร์สอบรม ต่อยอดโดยสร้างเป็นธุรกิจออนไลน์ที่ใหญ่ขึ้น ลงทุนมากขึ้น นั่นเอง ลองเป็น Infopreneur กันเถอะ

วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ทำไมถึงบอกว่าการขายอีบุ๊คเป็น passive income หล่ะ???

ขายอีบุ๊คดีกว่า
ก่อนจะบอกว่าอีบุ๊คสามารถสร้างรายได้แบบ Passive Income ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า จริงๆแล้ว มันหมายความว่าอะไรกันแน่ 
 Passive Income is an income received on a regular basis, with little effort required to maintain it. It is closely related to the concept of "unearned income". quoted from http://en.m.wikipedia.org/wiki/Passive_income
เป็นไทยก็คือ รายได้ที่ได้รับสม่ำเสมอต่อเนื่อง โดยลงแรงแค่นิดหน่อยในการดูแลใส่ใจมัน หรือใกล้เคียงกับคอนเซปต์ที่ว่า "รายได้ที่ได้มาโดยไม่ต้องทำงาน"
จากความหมายดังกล่าวนี้เทียบกับรายได้จากการขายอีบุ๊คนั้นค่อนข้างใกล้เคียงกันมาก อาจมีข้อถกเถียงว่าการสร้างอีบุ๊คก็ต้องเสียแรงเสียเวลาอยู่ดี นั่นก็จริง แต่อยากให้มองในส่วนการสร้างรายได้ของการขายอีบุ๊คมากกว่า อีบุ๊คดีๆซักเล่มอาจทำให้ผู้เขียนไม่ต้องทำอะไรอีกเลยเพียงแค่รอเงินเข้าบัญชีอย่างเดียว เนื่องจากระบบการซื้อ-ขาย รวมถึงการจัดส่ง จะเกิดขึ้นในรูปแบบออนไลน์อัตโนมัติซึ่งไม่ต้องพึ่งเจ้าของอีบุ๊คนั้นต่อไปอีกเลย ซึ่งนี่อาจเป็นคำตอบหนึ่งของคำถามยอดฮิตที่ว่า "ขายอะไรดี"

วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2557

หนังสือดิจิตอล ตาม ทัศน "วิกรม"

ebook ตาม ทัศน "วิกรม"
ถ้าหากยังมีทัศนคติที่ไม่เอื้อต่อธรุกิจอีบุ๊คอยู่หล่ะก็ อยากให้ฟังคุณวิกรม กรมดิษฐ์แสดงวิสัยทัศน์ในเรื่องของอีบุ๊ค และอีบุ๊คกับการมาถึงของประชาคมเศรษฐกิจอาเซี่ยน AEC เปิดใจและเริ่มลงมือ กระโดดลงสู่ธุรกิจอีบุ๊คอย่างจริงจัง ซึ่งคุณเองก็สามารถเริ่มสร้างธรุกิจนี้ได้ด้วยตัวเอง
http://youtu.be/Ccch-aRbV-w


วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557

สิ่งที่มนุษย์เงินเดือนพอจะทำได้

   วิถีชีวิตของมนุษย์เงินเดือนในเมืองใหญ่ไม่ได้ต่างกันแต่อย่างใด ส่วนใหญ่เดินทางไปทำงานตอนเช้า ทำงานแปดถึงสิบชั่วโมงต่อวัน รักวันศุกร์และไม่ชอบวันจันทร์ วนเวียนอยู่แบบนี้จนน่าเบื่อหน่าย สิ่งที่ทำให้ชีวิตดูมีสีสันขึ้นส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของวัตถุแทบทั้งสิ้น กระเป๋า รองเท้า แว่นตา โทรศัพท์ เรื่อยไปจนเป็นวัตถุขนาดใหญ่ บ้าน รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ทำไมจึงต้องมี การมีวัตถุเหล่านี้ไม่ได้หมายถึงว่าต้องการโอ้อวดเสมอไป
วัตถุนิยมเหล่านี้มีผลในการจิตใจ การทำงานและใช้ชีวิตอย่างซ้ำไปซ้ำมาไม่อาจทำให้ได้ใช้ชีวิตตามที่ต้องการได้ วัตถุนี่แหละเป็นเครื่องเติมเต็มแม้ว่ามันอาจไม่ยั่งยืนก็ตาม แต่มันคงไม่ได้มีอะไรจะเสียแล้วนี่กับชีวิตวนวนแบบนี้ หลายคนพยายามหาทางออกจากสิ่งที่เค้าเรียกกันว่า Comfort Zoneซึ่งความเป็นจริงไม่ได้ต่างจากเรือนจำไปมากมายนัก เงิน และ ความมั่งคั่ง ส่งผลตามมาจากลัทธิวัตถุนิยม ทำไมคิดกันว่าต้องรวยเท่านั้นจึงจะหลุดออกไปจากวงเวียนนี้ได้ บางคนมองหาสิ่งต่างๆทำเพื่อให้มีรายรับอีกทาง ขายตรง ขายประกัน ทำขนมขาย งานไม่ประจำเหล่านี้กลายเป็นรูปแบบใหม่ที่ให้ความหวัง ให้มนุษย์กินเงินเดือน แต่มีเพียงไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์ของคนทั้งหมดที่จะใช้วิถีทางนี้เพื่อหลุดพ้นได้ การหาข้อมูลทางเลือกเพื่อชีวิตนั้นทำให้เกิดสิ่งที่เรียกว่า Self development การเพิ่มมูลค่าให้กับตนเองนั้นเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น และสิ่งที่ตามมาสำหรับเรื่องราวเล่านี้ก็คือ "การอ่าน" ความรู้ในรูปแบบหนังสือเป็นเหมือนคำสัญญาต่อตนเองว่าสักวันจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง หนังสือดีๆแค่ปกและคำโปรยผู้คนก็อยากจะกระโจนเข้าใส่ อีกมุมมองหนึ่งของคนที่เกือบจะใช้ชีวิตแบบเดียวกับที่เป็นอยู่นี้ มีความต้องการที่จะแบ่งบัน ความรู้ แนวคิด จินตนาการให้กับเหล่ามนุษย์ร่วมเส้นทาง การเผยแพร่ข้อมูลผ่านทางสื่อดิจิตอลเป็นสิ่งหนึ่งที่เราๆพอจะทำกันได้ แล้วถ้าวันหนึ่งข้อมูลความรู้เหล่านี้มีคุณค่ามากเกินมูลค่าจนทำให้คนต้องการมากเพียงพอจะจ่ายเพื่อสิ่งเหล่านั้นได้ นั่นแหละธุรกิจ และเป็นสิ่งที่มนุษย์เงินเดือนพอจะทำได้