เมื่อกระแสการสร้างตัวตนและธุรกิจแบบ Infopreneur กำลังกลายเป็น Mega Trend ของโลกที่แคบลงเพราะ Social Network คุณรุ่นใหม่ Gen Y ที่เติบโตขึ้นมาพร้อมกับอุปกรณ์สื่อสารพกพา Tablet, Smart Phone, Smart Watch, Smart TV, etc... การเข้าใจในเทคโนโลยีและกิจกรรมทางโลกออนไลน์ไม่จำเป็นต้องถูกสอนอย่างเป็นทางการ เพราะมันถูกซึมซับอยู่ในยุคสมัยของพวกเค้าแล้ว แต่ คนยุค Baby Boomer หรือ Gen X รุ่นก่อนหน้านี้ ที่เกิดมาในช่วงการเปลี่ยนแปลงของยุค Analog สู่ ยุค Digital ซึ่งมีกิจกรรมและวิธีคิดบางอย่างที่ยังคงติดอยู่กับกลิ่นไอของวิธีดั่งเดิม ควรจะมีวิธีการอย่างไรเพื่อสร้าง Connection ไม่ให้ความรู้ ความสามารถ วัฒนธรรมในจารีตแบบเก่า เลือนหายไปอย่างไม่สามารถนำย้อนกลับมาได้ บทความนี้ต้องการเป็นแรงผลักดันหนึ่งเพื่อให้โลกก้าวไปอย่างมีคุณค่าของคนทุกยุคสมัย ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เรา Encourage คนยุค Baby Boomer และ Gen X ให้สามารถถ่ายทอดเรื่องราวของเค้าเหล่านั้นที่ต้องการบอกกับ Gen Y และคนรุ่นหลังต่อๆไป ด้วยเหตุผลเหล่านี้อาจทำให้ทุกคนต้องหันหน้าเข้าหากันเพื่อไม่ให้ปัจจุบันและอนาคต ไม่มีโลกมีจุดจบของการเชื่อมต่อของวัยและยุคสมัย งั้น มาเป็น Infopreneur เพื่อส่งต่อยุคสมัยให้รุ่นต่อไปกันเถอะ
แบ่งบัน ให้ความรู้ในการสร้าง Passive Income หารายได้ ทำเงิน รวยอย่างอัตโนมัติ โดยการ สร้างธุรกิจอีบุ๊ค ebook
เสื้อผ้าเด็ก ของใช้เด็กแรกเกิด ของเล่น เปลนอน ประกันลูก Fammall.com
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ infopreneur แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ infopreneur แสดงบทความทั้งหมด
วันอังคารที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2557
เหตุผล ที่ Baby Boomer และ Gen X ต้องเรียนรู้สังคมของ Gen Y
เมื่อกระแสการสร้างตัวตนและธุรกิจแบบ Infopreneur กำลังกลายเป็น Mega Trend ของโลกที่แคบลงเพราะ Social Network คุณรุ่นใหม่ Gen Y ที่เติบโตขึ้นมาพร้อมกับอุปกรณ์สื่อสารพกพา Tablet, Smart Phone, Smart Watch, Smart TV, etc... การเข้าใจในเทคโนโลยีและกิจกรรมทางโลกออนไลน์ไม่จำเป็นต้องถูกสอนอย่างเป็นทางการ เพราะมันถูกซึมซับอยู่ในยุคสมัยของพวกเค้าแล้ว แต่ คนยุค Baby Boomer หรือ Gen X รุ่นก่อนหน้านี้ ที่เกิดมาในช่วงการเปลี่ยนแปลงของยุค Analog สู่ ยุค Digital ซึ่งมีกิจกรรมและวิธีคิดบางอย่างที่ยังคงติดอยู่กับกลิ่นไอของวิธีดั่งเดิม ควรจะมีวิธีการอย่างไรเพื่อสร้าง Connection ไม่ให้ความรู้ ความสามารถ วัฒนธรรมในจารีตแบบเก่า เลือนหายไปอย่างไม่สามารถนำย้อนกลับมาได้ บทความนี้ต้องการเป็นแรงผลักดันหนึ่งเพื่อให้โลกก้าวไปอย่างมีคุณค่าของคนทุกยุคสมัย ไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง เรา Encourage คนยุค Baby Boomer และ Gen X ให้สามารถถ่ายทอดเรื่องราวของเค้าเหล่านั้นที่ต้องการบอกกับ Gen Y และคนรุ่นหลังต่อๆไป ด้วยเหตุผลเหล่านี้อาจทำให้ทุกคนต้องหันหน้าเข้าหากันเพื่อไม่ให้ปัจจุบันและอนาคต ไม่มีโลกมีจุดจบของการเชื่อมต่อของวัยและยุคสมัย งั้น มาเป็น Infopreneur เพื่อส่งต่อยุคสมัยให้รุ่นต่อไปกันเถอะ
ป้ายกำกับ:
ดิจิตอล,
สอน,
อีบุ๊ค,
comfort zone,
ebook,
gen x,
gen y,
infopreneur
วันจันทร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2557
บันได 3 ขั้น พื้นฐานการเป็น Infopreneur
เมื่อได้เริ่มรู้จักว่า Infopreneur คืออะไรกันแล้วมาลองเรียนรู้โมเดลธุรกิจแบบพื้นฐานของการเป็นInfopreneur กัน ขั้นตอนนี้มีชื่อว่า บันได 3 ขั้น พื้นฐานการเป็น Infopreneur ด้วยการสร้างบทความที่มีคุณค่า มีประโยชน์ ตรงกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย และเมื่อคำ ข้อความ หรือ keyword เป็นที่นิยมและเว็บContentของคุณก็ถูกพบได้ง่ายๆในทุกๆSearch Engineนั่นหมายถึง
คุณวางแผงขายของในแหล่งคนผลุกผล่านได้ถูกต้องแล้ว
จากนี้ไปเพียงแค่คุณหาสินค้ามาวางขายให้ตรงตามความต้องการของตลาดนั้นเท่านี้เป็นอันว่า คุณเรียกตัวเองว่าเป็น infopreneur ได้แล้ว
ป้ายกำกับ:
ขาย,
นักศึกษา,
รายได้,
ออนไลน์,
อีบุ๊ค,
infopreneur,
passive income
วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
มาเป็น INFOPRENEUR : อินโฟร์เพอนัวร์ กันเถอะ
![]() |
Infoprenuer |
เมื่อได้ทำความเข้าใจกับคำว่า Infoprenuer กันในเบื้องต้นกันแล้ว เราลองมาดูว่าคนที่เป็น Infopreneur เค้าทำอะไรกันบ้าง ในทั่วไปแล้วผู้ประกอบการกิจการปกติ จำต้องมีสินค้าหรือบริการที่ออกจะเป็นรูปธรรม จับต้องได้ ด้วยต้องลงทุนเป็นทรัพย์สิน เงินทอง หรือ ลงแรงอย่างมีนัยสำคัญเพื่อให้กิจการดำเนินไป สินค้าขายได้ มีลูกค้าพูดถึงและใช้บริการ สำหรับอินโฟร์เพอร์นัวร์นั้น ก็มีลักษณะที่คล้ายคลึงกัน แต่! เมื่อเป็นเรื่องของ Information การลงทุนย่อมน้อยกว่า การลงแรงยอมไม่หนักเท่า เฉือนกันที่ความคิดและไอเดีย รวมถึงการสร้างคุณค่าให้กับลูกค้าด้วย ตัวอย่างเช่น การเป็นผู้ให้ความรู้ในการเขียน เป็นวิทยากรบรรยายในเรื่องที่คุณถนัด เป็นBlogger ชื่อดัง นักแต่งเพลง เหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างเล็กๆในจำนวนของสิ่งที่ Infopreneur ทำกันในปัจจุบัน ลองค้นคว้าและ มาเป็น Infopreneur กันเถอะ เพราะมันก็ไม่ได้ต้องลงทุนลงแรงอะไรมากนี่ เอาล่ะ แล้วถ้าอยากเป็นขึ้นมาแล้ว ต้องทำไงหล่ะทีนี้ ติดตามตอนต่อไปได้ที่นี่ http://inwebook.blogspot.com แล้วเจอกัน
ป้ายกำกับ:
ขาย,
ทำเงิน,
ธุรกิจ,
นักศึกษา,
สอน,
ออนไลน์,
อีบุ๊ค,
entrepreneur,
infopreneur,
passive income
วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
เด็กชายบอส ผู้ซึ่งไม่ต้องนั่งหน้าคอมพ์ก็ทำงานส่งจารย์ได้
หลายคนเห็นหัวข้อ ปุ๊บ
อาจตอบในใจเบาๆว่า "ก็ไปจ้างคนอื่นทำซิง่ายจะตาย"
แต่ช้าก่อน บทความนี้ไม่ส่งเสริมให้ทำแบบนั้นครับ
ผมกำลังจะชี้ให้เห็นถึงพลังของโลกเทคโนโลยียุคนี้
โดยจะยกตัวอย่าง กรณี ศึกษาของเด็กชายธิติ หรือ ไอ้บอส
เด็กแถวบ้านผมเองเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น
บอส เป็นเด็กค่อนข้างหัวดีคนหนึ่งแต่ติดจะขี้เกียจนิดส์นึง
เรื่องมีอยู่ว่า
มันปิดเทอม มาเกือบ 3 เดือน เห็นเตร็ดเตร่อยู่แถวบ้านไม่ได้ไปไหน
หนึ่งอาทิตย์ก่อนเปิด แก๊งค์ของบอสมันดันมานัดไปเที่ยวดอยกัน (เอ่อนะ!)
บอสมันมาหาผมและบอกว่า
"น้าช่วยหน่อย บนดอยคงไม่มีคอมพ์ให้ใช้หรอก" (เออ ก็แน่หล่ะ)
"ผมต้องเขียนรายงานส่งอาจารย์ที่ปรึกษาทุนของโรงเรียน"
(บอสเป็นเด็กทุนโรงเรียนครับ มันจะมีกิจกรรมอะไรอย่างนี้มาปรึกษาบ่อยๆ)
ผมบอกว่า "ก็ทำให้เสร็จซะคืนนี้ซิแล้วค่อยไปเที่ยว"
"ไม่ทันแล้วรถตู้ออกทุ่มครึ่งตอนนี้ก็ปาเข้าไปห้าโมงกว่าจะหกโมงอยู่แล้ว"
ไอ้บอสมีเวลาประมาณชั่วโมงเดียวกับการทำรายงาน 4000 คำ หรือประมาณ 10 หน้า
ผมบอก "งั้นก็ค่อยกลับมาทำซิ คืนก่อนเปิดเทอมไง"
"ไม่ทันหรอกรถตู้มาส่ง หกโมงเช้าวันเปิดเทอม" (นี่พวกมรึงวางแผนการเที่ยวได้ดีมากมาก)
เอาไงดีหล่ะ แล้วผมก็เห็นแสงวาบ... สวรรค์บันดาลทางออกให้ไอ้บอส
มันเป็นแสงจากหน้าจอ iPad ที่เพิ่งเปิดตัวหลังจาก Restart เพราะผมเพิ่งอัพเดพ iOS เสร็จ
"เอางี้บอส" ผมชี้ทางสว่างให้ไอ้บอส
โดยสอนบอสใช้ App ชื่อ Pages ซึ่งเป็นตัวจัดการและสร้างเอกสารบน iPad
(คล้ายกับ Microsoft Word บน Windows นั่นแหละครับ)
อย่างว่าครับเด็ก Gen Yมันเข้าใจเทคโนโลยีได้ง่ายๆอยู่แล้ว
จบบทเรียนที่ผมสอนอย่างรวบรัด เลยให้มันยืม iPad ไปด้วย...
อาทิตย์ต่อมามันกลับจากโรงเรียนแล้วแวะเอา iPad มาคืนผมที่บ้าน
"เป็นไงบอส เรื่องรายงาน" ผมรีบถามเป็นอย่างแรก
"สบ๊ายย แถมอาจารย์ยังปริ๊นท์ไปแปะบอร์ดอีกต่างหาก" (ดูมันโม้)
"นี่มัวแต่ทำรายงานไม่ได้เที่ยวเลยม้าง" ผมแซว
บอสมันเล่าว่ามันใช้เวลาทั้งพิมพ์ ทั้งหาข้อมูลจากเน็ต บนรถตู้ระหว่างขาไป และ ขากลับ
ก็สามารถเขียนรายงานได้ 10 หน้ากว่าๆ
พอมันโม้เสร็จก็กลับบ้านไป
คืนนั้นผมก็หยิบ iPad มาอ่านรายงานของไอ้บอสมัน
"แม่เจ้า!!!" มันเขียนดีจริงๆครับ
ไม่ได้จะอวดหลาน หรือ อวดตัวเอง แต่อย่างใด
แต่อยากชี้ให้เห็นว่ายุคนี้ Gen Y เค้าทำกันแบบนี้แล้ว
แล้วคุณๆหล่ะพร้อมจะเรียนรู้อะไรใหม่ๆรึยังครับ..
อาจตอบในใจเบาๆว่า "ก็ไปจ้างคนอื่นทำซิง่ายจะตาย"
แต่ช้าก่อน บทความนี้ไม่ส่งเสริมให้ทำแบบนั้นครับ
ผมกำลังจะชี้ให้เห็นถึงพลังของโลกเทคโนโลยียุคนี้
โดยจะยกตัวอย่าง กรณี ศึกษาของเด็กชายธิติ หรือ ไอ้บอส
เด็กแถวบ้านผมเองเพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น
บอส เป็นเด็กค่อนข้างหัวดีคนหนึ่งแต่ติดจะขี้เกียจนิดส์นึง
เรื่องมีอยู่ว่า
มันปิดเทอม มาเกือบ 3 เดือน เห็นเตร็ดเตร่อยู่แถวบ้านไม่ได้ไปไหน
หนึ่งอาทิตย์ก่อนเปิด แก๊งค์ของบอสมันดันมานัดไปเที่ยวดอยกัน (เอ่อนะ!)
บอสมันมาหาผมและบอกว่า
"น้าช่วยหน่อย บนดอยคงไม่มีคอมพ์ให้ใช้หรอก" (เออ ก็แน่หล่ะ)
"ผมต้องเขียนรายงานส่งอาจารย์ที่ปรึกษาทุนของโรงเรียน"
(บอสเป็นเด็กทุนโรงเรียนครับ มันจะมีกิจกรรมอะไรอย่างนี้มาปรึกษาบ่อยๆ)
ผมบอกว่า "ก็ทำให้เสร็จซะคืนนี้ซิแล้วค่อยไปเที่ยว"
"ไม่ทันแล้วรถตู้ออกทุ่มครึ่งตอนนี้ก็ปาเข้าไปห้าโมงกว่าจะหกโมงอยู่แล้ว"
ไอ้บอสมีเวลาประมาณชั่วโมงเดียวกับการทำรายงาน 4000 คำ หรือประมาณ 10 หน้า
ผมบอก "งั้นก็ค่อยกลับมาทำซิ คืนก่อนเปิดเทอมไง"
"ไม่ทันหรอกรถตู้มาส่ง หกโมงเช้าวันเปิดเทอม" (นี่พวกมรึงวางแผนการเที่ยวได้ดีมากมาก)
เอาไงดีหล่ะ แล้วผมก็เห็นแสงวาบ... สวรรค์บันดาลทางออกให้ไอ้บอส
มันเป็นแสงจากหน้าจอ iPad ที่เพิ่งเปิดตัวหลังจาก Restart เพราะผมเพิ่งอัพเดพ iOS เสร็จ
"เอางี้บอส" ผมชี้ทางสว่างให้ไอ้บอส
โดยสอนบอสใช้ App ชื่อ Pages ซึ่งเป็นตัวจัดการและสร้างเอกสารบน iPad
(คล้ายกับ Microsoft Word บน Windows นั่นแหละครับ)
อย่างว่าครับเด็ก Gen Yมันเข้าใจเทคโนโลยีได้ง่ายๆอยู่แล้ว
จบบทเรียนที่ผมสอนอย่างรวบรัด เลยให้มันยืม iPad ไปด้วย...
อาทิตย์ต่อมามันกลับจากโรงเรียนแล้วแวะเอา iPad มาคืนผมที่บ้าน
"เป็นไงบอส เรื่องรายงาน" ผมรีบถามเป็นอย่างแรก
"สบ๊ายย แถมอาจารย์ยังปริ๊นท์ไปแปะบอร์ดอีกต่างหาก" (ดูมันโม้)
"นี่มัวแต่ทำรายงานไม่ได้เที่ยวเลยม้าง" ผมแซว
บอสมันเล่าว่ามันใช้เวลาทั้งพิมพ์ ทั้งหาข้อมูลจากเน็ต บนรถตู้ระหว่างขาไป และ ขากลับ
ก็สามารถเขียนรายงานได้ 10 หน้ากว่าๆ
พอมันโม้เสร็จก็กลับบ้านไป
คืนนั้นผมก็หยิบ iPad มาอ่านรายงานของไอ้บอสมัน
"แม่เจ้า!!!" มันเขียนดีจริงๆครับ
ไม่ได้จะอวดหลาน หรือ อวดตัวเอง แต่อย่างใด
แต่อยากชี้ให้เห็นว่ายุคนี้ Gen Y เค้าทำกันแบบนี้แล้ว
แล้วคุณๆหล่ะพร้อมจะเรียนรู้อะไรใหม่ๆรึยังครับ..
ป้ายกำกับ:
นักเรียน,
รายงาน,
ออนไลน์,
อีบุ๊ค,
infopreneur
วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
แฟนเพจ วิธีเขียนอีบุ๊คออนไลน์หาเงิน
ขอขอบคุณผู้ติดตาม แฟนเพจ ทู๊กกกกกคน ครับ โปรดติดตามเรื่องราวดีๆ ที่เราจะพยายาม หามานำเสนอสำหรับผู้สนใจสร้างอีบุ๊ค และ เป็น Infopreneur ทุกท่าน ช่วยกันไลค์ ช่วยกันแชร์ ต่อไปนะครับ
วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
5 วิธี ตอบคำถามตัวเอง ว่า ขายอะไรดี?
อยากมีรายได้เสริม อยากหาเงินใช้เอง อยากขายของ ขายอะไรดี คำถามเหล่านี้กำลังเป็นที่ฮิตมากในหมู่คนต้องการหาเงิน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกระแสโลกโซเซี่ยลที่มีให้เห็นกันทุกวันว่า ประสบความสำเร็จกันง่ายๆมาขึ้นทุกวันจากการโพสต์ขายของ แต่อะไรหล่ะที่จะเหมาะกับเรามากที่สุดเราจะได้เริ่มต้นลงมือขายซะที เรามีวิธีค้นหาคำตอบให้ทำคุณเองว่าคนอย่างคุณจะเหมาะกับการขายอะไร
วิธีที่ 1. ดูจากปริมาณเพื่อน
ถ้าคุณมีมิตรภาพคับแก้ว เรียกว่าแค่คุยไลน์หรือตอบเม้นเพื่อนๆในเฟสฯก็หมดวันแล้ว แนะนำให้คุณเลือกขายสินค้าที่เป็น Mass Product ขายให้คนหมู่มาก คนส่วนใหญ่จำเป็นต้องกิน ต้องใช้ หรือ ปัจจัยสี่ ทั้งหลาย เช่น ขนม, อาหาร, บ้าน, คอนโด ยิ่งถ้าหากเป็นสินค้าแบบซื้อมาขาย และคุณสามารถหาแหล่งขายราคาส่งถูกๆได้ การันตีกำไรของคุณไหลมาเทมาแน่นอน
วิธีที่ 2. ดูจากความชอบ"ส่วนตัว"
ถ้าคุณสนใจอะไรมากๆหรือมีงานอดิเรกที่ตัวเองชอบทำ ให้หาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณรักคุณชอบ เพราะนั่นคือสิ่งที่คุณเข้าใจมันมากที่สุดคุณสามารถบอกเล่าเรื่องราวของสิ่งที่คุณรักได้เป็นฉากๆ เช่น รักลูก, ชอบปั่นจักรยาน, ชอบเล่นโยคะ, เป็นติ่งวงเกาหลี
วิธีที่ 3. ดูจากการรับรู้ข่าวสารข้อมูล
ถ้าคุณพบว่าคุณเป็นคนทันข่าวสาร เป็นแฟนคลับพี่ยุทธฟังพี่ยุทธทุกวัน เข้าเว็บmanagerก่อนเริ่มงาน อยู่ในกระแสตลอดไม่เคยตกเทรนด์ สินค้าที่เหมาะกับคุณคือ สินค้าตามกระแสนิยม หรือ เทคโนโลยีตัวอย่างเช่น iPhoneใหม่, ไม้Selfie, หญ้ารีแพร์, DVD T25, ... แต่ในทางกลับกันถ้าคุณตามข่าวไม่ทันกับใครเค้าเลย แนะนำเป็นสินค้า Classic เช่น รถเก่า, ภาพถ่ายประวัติศาสตร์, ตำราโบราณ, แจกันราชวงศ์หมิง เป็นต้น
วิธีที่ 4. ดูจากงานปัจจุบัน
ถ้าคุณทำงานประจำ เป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่ ให้เอาความสามารถที่ทำเป็นงานประจำนั้นมาเป็นจุดขาย หรือ ขายสินค้าของบริษัทนั่นแหละ ในเมื่อต้องเจอทุกวันคงไม่มีใครเข้าใจสินค้าเหล่านั้นไปมากกว่าคุณแล้ว เช่น เป็นครูเปิดคอร์สสอนพิเศษ, เป็นค่าราชการก็ติวสอบกพ., พนักงานธนาคารก็ขายเงินฝาก-กองทุน-ประกัน,...
วิธีที่ 5. ดูจากฐานะ
ถ้าคุณรวยมาแต่กำเนิด เข้าใจว่าไม่ต้องหาอะไรมาขายก็คงอยู่ได้มีอันจะกินอยู่แล้ว แต่ถ้าอย่างลองขายจริงๆ ก็ของสร้างกิจการธุรกิจแล้วขาย IPO เข้าตลาดทุนเลยน่าจะเหมาะที่สุด แต่ถ้าคุณมีฐานะกลางๆหรือค่อนข้างจะล่างๆ ทุนน้อยแนะนำให้ลองธุรกิจที่คนส่วนใหญ่อาจจะมองข้าม นั่นคือ สินค้าสารสนเทศ Information Product ที่ใช้ต้นทุนน้อยมากๆอาจเริ่มต้นด้วยการศึกษาก่อน (จะไปหาอ่านตามร้านหนังสือฟรีๆก็ได้ สมัยนี้เห็นนั่งอ่านกันบนพื้นในร้านเลยก็มี) ไม่ว่าจะเป็นในด้านใดก็ตาม เมื่อศึกษาจนเข้าใจในระดับที่เริ่มนำไปให้ความรู้คนอื่นได้แล้ว ก็แปลงมันเป็นตัวสินค้าเพื่อขายได้เลย บางคนลงทุนแค่เพียงค่าเล่นอินเตอร์เน็ตตามคาเฟ่ชั่วโมงละ30บาทก็ขายของได้ อื่นๆก็เช่น การเปิดคอร์สอบรมให้ความรู้, การเขียนอีบุ๊คขายออนไลน์หาเงิน
สนใจการเขียนอีบุ๊คขาย แนะนำหนังสือออนไลน์ อีบุ๊ค
"เขียนอีบุ๊คขายออนไลน์ด้วยไอแพด"
คนส่วนใหญ่ที่อยากมีรายได้ซื้อไปอ่านทันที
http://inwebook.blogspot.com/2014/11/blog-post_8.html
วิธีที่ 1. ดูจากปริมาณเพื่อน
ถ้าคุณมีมิตรภาพคับแก้ว เรียกว่าแค่คุยไลน์หรือตอบเม้นเพื่อนๆในเฟสฯก็หมดวันแล้ว แนะนำให้คุณเลือกขายสินค้าที่เป็น Mass Product ขายให้คนหมู่มาก คนส่วนใหญ่จำเป็นต้องกิน ต้องใช้ หรือ ปัจจัยสี่ ทั้งหลาย เช่น ขนม, อาหาร, บ้าน, คอนโด ยิ่งถ้าหากเป็นสินค้าแบบซื้อมาขาย และคุณสามารถหาแหล่งขายราคาส่งถูกๆได้ การันตีกำไรของคุณไหลมาเทมาแน่นอน
วิธีที่ 2. ดูจากความชอบ"ส่วนตัว"
ถ้าคุณสนใจอะไรมากๆหรือมีงานอดิเรกที่ตัวเองชอบทำ ให้หาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณรักคุณชอบ เพราะนั่นคือสิ่งที่คุณเข้าใจมันมากที่สุดคุณสามารถบอกเล่าเรื่องราวของสิ่งที่คุณรักได้เป็นฉากๆ เช่น รักลูก, ชอบปั่นจักรยาน, ชอบเล่นโยคะ, เป็นติ่งวงเกาหลี
วิธีที่ 3. ดูจากการรับรู้ข่าวสารข้อมูล
ถ้าคุณพบว่าคุณเป็นคนทันข่าวสาร เป็นแฟนคลับพี่ยุทธฟังพี่ยุทธทุกวัน เข้าเว็บmanagerก่อนเริ่มงาน อยู่ในกระแสตลอดไม่เคยตกเทรนด์ สินค้าที่เหมาะกับคุณคือ สินค้าตามกระแสนิยม หรือ เทคโนโลยีตัวอย่างเช่น iPhoneใหม่, ไม้Selfie, หญ้ารีแพร์, DVD T25, ... แต่ในทางกลับกันถ้าคุณตามข่าวไม่ทันกับใครเค้าเลย แนะนำเป็นสินค้า Classic เช่น รถเก่า, ภาพถ่ายประวัติศาสตร์, ตำราโบราณ, แจกันราชวงศ์หมิง เป็นต้น
วิธีที่ 4. ดูจากงานปัจจุบัน
ถ้าคุณทำงานประจำ เป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่ ให้เอาความสามารถที่ทำเป็นงานประจำนั้นมาเป็นจุดขาย หรือ ขายสินค้าของบริษัทนั่นแหละ ในเมื่อต้องเจอทุกวันคงไม่มีใครเข้าใจสินค้าเหล่านั้นไปมากกว่าคุณแล้ว เช่น เป็นครูเปิดคอร์สสอนพิเศษ, เป็นค่าราชการก็ติวสอบกพ., พนักงานธนาคารก็ขายเงินฝาก-กองทุน-ประกัน,...
วิธีที่ 5. ดูจากฐานะ
ถ้าคุณรวยมาแต่กำเนิด เข้าใจว่าไม่ต้องหาอะไรมาขายก็คงอยู่ได้มีอันจะกินอยู่แล้ว แต่ถ้าอย่างลองขายจริงๆ ก็ของสร้างกิจการธุรกิจแล้วขาย IPO เข้าตลาดทุนเลยน่าจะเหมาะที่สุด แต่ถ้าคุณมีฐานะกลางๆหรือค่อนข้างจะล่างๆ ทุนน้อยแนะนำให้ลองธุรกิจที่คนส่วนใหญ่อาจจะมองข้าม นั่นคือ สินค้าสารสนเทศ Information Product ที่ใช้ต้นทุนน้อยมากๆอาจเริ่มต้นด้วยการศึกษาก่อน (จะไปหาอ่านตามร้านหนังสือฟรีๆก็ได้ สมัยนี้เห็นนั่งอ่านกันบนพื้นในร้านเลยก็มี) ไม่ว่าจะเป็นในด้านใดก็ตาม เมื่อศึกษาจนเข้าใจในระดับที่เริ่มนำไปให้ความรู้คนอื่นได้แล้ว ก็แปลงมันเป็นตัวสินค้าเพื่อขายได้เลย บางคนลงทุนแค่เพียงค่าเล่นอินเตอร์เน็ตตามคาเฟ่ชั่วโมงละ30บาทก็ขายของได้ อื่นๆก็เช่น การเปิดคอร์สอบรมให้ความรู้, การเขียนอีบุ๊คขายออนไลน์หาเงิน
สนใจการเขียนอีบุ๊คขาย แนะนำหนังสือออนไลน์ อีบุ๊ค
"เขียนอีบุ๊คขายออนไลน์ด้วยไอแพด"
คนส่วนใหญ่ที่อยากมีรายได้ซื้อไปอ่านทันที
http://inwebook.blogspot.com/2014/11/blog-post_8.html
ป้ายกำกับ:
ขาย,
งาน,
เงิน,
ทำเงิน,
ธุรกิจ,
มนุษย์เงินเดือน,
รายได้,
ออนไลน์,
อีบุ๊ค,
ebook,
infopreneur
วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
Infopreneur เป็นก่อนรวยกว่า
Infopreneur คำที่ยังไม่มีอยู่ในพจนานุกรม แล้วจริงๆมันคืออะไร? แปลว่าอะไรกันแน่? คำนี้มีเทรนด์มาจากคำว่า Entrepreneur ซึ่งเป็นที่นิยมอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกาและยุโรป หมายความถึงผู้ประกอบการทางธุรกิจที่มีความสามารถในการแสวงหาโอกาส และ สามารถใช้โอกาสนั้นสร้างตนให้โดดเด่นจากคู่แข่ง ชนะใจลูกค้า สนองความต้องการของผู้บริโภคได้ และสามารถประสบความสำเร็จในธุรกิจนั้นๆ แล้วต่อยอดสร้างธุรกิจอื่ๆต่อไปได้
แล้ว Infopreneur หล่ะ ข้อมูลจาก Wiki ให้นิยามว่าเกิดจากคำว่า Infomation บวกกับ Entrepreneur ซึ่งเป็นความว่าคล้ายคลึงกับผู้ประกอบการปกติ เพียงแต่ Infopreneur จะเป็นกิจการด้านข้อมูลสารสนเทศรวมถึงการสร้างรายได้ออนไลน์โดยเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย อธิบายให้เห็นชัดขึ้นคือ
แล้ว Infopreneur หล่ะ ข้อมูลจาก Wiki ให้นิยามว่าเกิดจากคำว่า Infomation บวกกับ Entrepreneur ซึ่งเป็นความว่าคล้ายคลึงกับผู้ประกอบการปกติ เพียงแต่ Infopreneur จะเป็นกิจการด้านข้อมูลสารสนเทศรวมถึงการสร้างรายได้ออนไลน์โดยเจาะจงกลุ่มเป้าหมาย อธิบายให้เห็นชัดขึ้นคือ
ผู้ที่สร้างรายได้จากเนื้อหาของข้อมูลลักษณะคือการสร้างตัวตนในโลกออนไลน์และให้เนื้อหาข้อมูลที่มีประโยชน์มากมาย แล้วสร้างรายได้จากการเขียนอีบุ๊ค การบรรยาย การเป็นวิทยากรรับเชิญ เปิดคอร์สอบรม ต่อยอดโดยสร้างเป็นธุรกิจออนไลน์ที่ใหญ่ขึ้น ลงทุนมากขึ้น นั่นเอง ลองเป็น Infopreneur กันเถอะ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)