แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ งาน แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ งาน แสดงบทความทั้งหมด

วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ล้าหลังมาก ยังใช้ Microsoft Word อยู่อีกหรอ

ยุคสมัยของการใช้งาน Smart phone และ Tablet ได้เข้ามากลืนกิน การใช้งานคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะแบบเก่า แล้วใยเล่า เรายังไม่ปรับตัว หากจะพูดถึงระบบการศึกษาโดยปกติในประเทศไทยและประเทศกำลังพัฒนาทั่วไป การทำรายงาน งานวิจัย วิทยานิพนธ์ ส่วนใหญ่เริ่มด้วยการพิมพ์เอกสารด้วย Microsoft Word โดยการนั่งหน้าคอมพ์ แต่ในโลกของประเทศพัฒนาแล้ว อย่าง America และ Europe ได้มีการใช้งาน Smart phone และ Tablet ในการเรียนการสอนกันอย่างกว้างขวางการสร้างเอกสาร 1 ชุด ไม่จำเป็นต้องนั่งหน้าจอคอมพ์อีกต่อไป นักเรียน นักศึกษาในประเทศเหล่านั้นสามารถพกพาอุปกรณ์ Smart phone และ Tablet ติดตัวไปขณะเดินทางหรือท่องเที่ยว และยังใช้มันเพื่อทำรายงานส่งอาจารย์ได้อีกด้วย เราไม่ควรนิ่งนอนใจกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ แล้ว ยังจะใช้ แต่ Microsoft Word อยู่อีกหรอ?

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

5 วิธี ตอบคำถามตัวเอง ว่า ขายอะไรดี?

อยากมีรายได้เสริม อยากหาเงินใช้เอง อยากขายของ ขายอะไรดี คำถามเหล่านี้กำลังเป็นที่ฮิตมากในหมู่คนต้องการหาเงิน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะกระแสโลกโซเซี่ยลที่มีให้เห็นกันทุกวันว่า ประสบความสำเร็จกันง่ายๆมาขึ้นทุกวันจากการโพสต์ขายของ แต่อะไรหล่ะที่จะเหมาะกับเรามากที่สุดเราจะได้เริ่มต้นลงมือขายซะที เรามีวิธีค้นหาคำตอบให้ทำคุณเองว่าคนอย่างคุณจะเหมาะกับการขายอะไร

วิธีที่ 1. ดูจากปริมาณเพื่อน 
ถ้าคุณมีมิตรภาพคับแก้ว เรียกว่าแค่คุยไลน์หรือตอบเม้นเพื่อนๆในเฟสฯก็หมดวันแล้ว แนะนำให้คุณเลือกขายสินค้าที่เป็น Mass Product ขายให้คนหมู่มาก คนส่วนใหญ่จำเป็นต้องกิน ต้องใช้ หรือ ปัจจัยสี่ ทั้งหลาย เช่น ขนม, อาหาร, บ้าน, คอนโด ยิ่งถ้าหากเป็นสินค้าแบบซื้อมาขาย และคุณสามารถหาแหล่งขายราคาส่งถูกๆได้ การันตีกำไรของคุณไหลมาเทมาแน่นอน

วิธีที่ 2. ดูจากความชอบ"ส่วนตัว"
ถ้าคุณสนใจอะไรมากๆหรือมีงานอดิเรกที่ตัวเองชอบทำ ให้หาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่คุณรักคุณชอบ เพราะนั่นคือสิ่งที่คุณเข้าใจมันมากที่สุดคุณสามารถบอกเล่าเรื่องราวของสิ่งที่คุณรักได้เป็นฉากๆ เช่น รักลูก, ชอบปั่นจักรยาน, ชอบเล่นโยคะ, เป็นติ่งวงเกาหลี

วิธีที่ 3. ดูจากการรับรู้ข่าวสารข้อมูล
ถ้าคุณพบว่าคุณเป็นคนทันข่าวสาร เป็นแฟนคลับพี่ยุทธฟังพี่ยุทธทุกวัน เข้าเว็บmanagerก่อนเริ่มงาน อยู่ในกระแสตลอดไม่เคยตกเทรนด์ สินค้าที่เหมาะกับคุณคือ สินค้าตามกระแสนิยม หรือ เทคโนโลยีตัวอย่างเช่น iPhoneใหม่, ไม้Selfie, หญ้ารีแพร์, DVD T25, ... แต่ในทางกลับกันถ้าคุณตามข่าวไม่ทันกับใครเค้าเลย แนะนำเป็นสินค้า Classic เช่น รถเก่า, ภาพถ่ายประวัติศาสตร์, ตำราโบราณ, แจกันราชวงศ์หมิง เป็นต้น

วิธีที่ 4. ดูจากงานปัจจุบัน
ถ้าคุณทำงานประจำ เป็นมนุษย์เงินเดือนอยู่ ให้เอาความสามารถที่ทำเป็นงานประจำนั้นมาเป็นจุดขาย หรือ ขายสินค้าของบริษัทนั่นแหละ ในเมื่อต้องเจอทุกวันคงไม่มีใครเข้าใจสินค้าเหล่านั้นไปมากกว่าคุณแล้ว เช่น เป็นครูเปิดคอร์สสอนพิเศษ, เป็นค่าราชการก็ติวสอบกพ., พนักงานธนาคารก็ขายเงินฝาก-กองทุน-ประกัน,... 

วิธีที่ 5. ดูจากฐานะ
ถ้าคุณรวยมาแต่กำเนิด เข้าใจว่าไม่ต้องหาอะไรมาขายก็คงอยู่ได้มีอันจะกินอยู่แล้ว แต่ถ้าอย่างลองขายจริงๆ ก็ของสร้างกิจการธุรกิจแล้วขาย IPO เข้าตลาดทุนเลยน่าจะเหมาะที่สุด แต่ถ้าคุณมีฐานะกลางๆหรือค่อนข้างจะล่างๆ ทุนน้อยแนะนำให้ลองธุรกิจที่คนส่วนใหญ่อาจจะมองข้าม นั่นคือ สินค้าสารสนเทศ Information Product ที่ใช้ต้นทุนน้อยมากๆอาจเริ่มต้นด้วยการศึกษาก่อน (จะไปหาอ่านตามร้านหนังสือฟรีๆก็ได้ สมัยนี้เห็นนั่งอ่านกันบนพื้นในร้านเลยก็มี) ไม่ว่าจะเป็นในด้านใดก็ตาม เมื่อศึกษาจนเข้าใจในระดับที่เริ่มนำไปให้ความรู้คนอื่นได้แล้ว ก็แปลงมันเป็นตัวสินค้าเพื่อขายได้เลย บางคนลงทุนแค่เพียงค่าเล่นอินเตอร์เน็ตตามคาเฟ่ชั่วโมงละ30บาทก็ขายของได้ อื่นๆก็เช่น การเปิดคอร์สอบรมให้ความรู้, การเขียนอีบุ๊คขายออนไลน์หาเงิน

สนใจการเขียนอีบุ๊คขาย แนะนำหนังสือออนไลน์ อีบุ๊ค 

 "เขียนอีบุ๊คขายออนไลน์ด้วยไอแพด"

    คนส่วนใหญ่ที่อยากมีรายได้ซื้อไปอ่านทันที 
http://inwebook.blogspot.com/2014/11/blog-post_8.html

วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ขายอะไรดีเพื่อให้มีรายได้เสริมเยอะๆ

ธุรุกิจอีบุ๊คในยุคโซเซี่ยลเน็ตเวิร์ค
ในยุคที่ Gen Y กำลังจะกลืนกิน Gen X และ Babyboom ในทางธุรกิจ คนยุคเดิมที่ไม่สามารถปรับตัวได้ทัน ไม่เพียงจะแต่จะมีความยากลำบากในการดำเนินธุรกิจแต่อาจจะถึงกับล้มเหลวเลยก็เป็นได้ ยกตัวอย่างกรณีศึกษา Classic อย่าง Kodak และ Blackberry การติดอยู่กับความสำเร็จเก่าๆไม่อาจทำให้อยู่รอดอย่างยั่งยืนได้ในยุคที่เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงไวราวกระพริบตา ธุรกิจหนึ่งซึ่งกำลังถูกจับตามองว่าอาจจะเป็นกรณีศึกษาชิ้นต่อไป คือ หนังสือ ต้องยอมรับว่าการอ่านหนังสือในรูปแบบกระดาษมีช่วงเวลาที่ยาวนานมาก จนทำให้ลืมเลือนกันไปแล้วว่าการบันทึกความรู้หรือข้อความเพื่อส่งต่อกันเคยมีรูปแบบอื่นๆอยู่ การสลักลงบนศิลาหิน การเขียนบนใบลาน การใช้กระดานชนวน ล้วนแล้วแต่เป็นรูปแบบหนึ่งของหนังสือทั้งสิ้น แล้วการเปลี่ยนแปลงก็มาถึงอีกครั้งเมื่อเกิดยุคดิจิตอล ทางเลือกของการใช้กระดาษเปลี่ยนไป ตัวอย่างที่พบเห็นได้ใกล้ตัวที่สุดคือ จดหมาย อาจยังพอจะมีให้พบเห็นได้อยู่บ้างที่จะเขียนด้วยลายมือลงกระดาษ พับใส่ซอง ส่งให้ผู้รับ เพื่อให้ตอบกลับมาตัวการเขียนจดหมายในรูปแบบเดียวกัน eMail เปลี่ยนพฤติกรรมแบบเดิมไปแล้วกว่า90กว่าเปอร์เซ็นต์ eBook กำลังทำหน้าที่ของมันในลักษณะเดียวกัน มนุษย์ซึ่งในที่สุดอาจจะตระหนักได้ว่าการส่งต่อความรู้ผ่านกระดาษในรูปแบบหนังสือดูจะไม่คุ้มค่ากับการตัดไม้ทำลายธรรมชาติเพื่อส่งอ่านข้อมูลระหว่างกัน เมื่อนั้นอาจไม่มีใครอยากสนับสนุนหนังสือเล่มละสองสามร้อยแลกกับการซื้อมันในราคาเดียวกันแต่อยู่ในรูปแบบดิจิตอล หากคุณต่อการเริ่มทำธุรกิจสักอย่าง ลองรังสรรค์งานเขียนของคุณให้ดูมีคุณค่าแล้วลองขายในรูปแบบ eBook ด้วยราคาที่เหมาะสมและคุณพอใจเมื่อเทียบกับคุณค่าของมัน แล้วคุณจะได้พบว่า โลกมันกำลังเปลี่ยนแปลงไปแล้วจริง!